BMW F30

BMW F30

BMW 3-Series เลขถัง F30 เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ปี 2012 

Norbert Reithofer CEO ของ BMW เผยว่า 3-Series โฉมใหม่นี้เป็นรถทีมีความสปอร์ตมากที่่สุดในเซกเมนท์และให้ความสุนทรีย์ในการขับขี่ที่ระดับสูงสุด มิติตัวถังของคอมแพคท์ซีดานนี้มีขนาดใหญ่ขึ้นมากเมื่อเทียบกับรุ่นก่อน คือ ยาวขึ้น 93 มิลลิเมตร ในขณะที่ฐานล้อก็ยาวขึ้นอีก 50 มิลลิเมตรเป็น 2,810 มิลลิเมตร กว้างขึ้น 37 มิลลิเมตร

โดยมีระยะห่างระหว่างล้อคู่หลังมากขึ้น 47 มิลลิเมตร เป็นการปิดจุดด้อยที่มีต่อคู่แข่งในเรื่องพื้นที่ของที่นั่งด้านหลัง 3-Series รุ่นนี้มีพื้นที่ช่วงขายาวขึ้น 15 มิลลิเมตร ในขณะที่พื้นที่เหนือศีรษะก็มากขึ้น 8 มิลลิเมตรสำหรับเบาะนั่งด้านหลัง และถึงแม้ว่า มิติตัวถังจะใหญ่ขึ้น แต่ด้วยการลดน้ำหนักในจุดต่างๆ ทำให้รถรุ่นนี้กลับมีน้ำหนักเบากว่ารุ่นก่อนถึง 40 กิโลกรัม(ขึ้นอยู่กับรุ่นที่่เลือกซื้อด้วยเช่นกัน)

ในช่วงแรกของการจำหน่าย รถรุ่นที่ขายดีที่สุดของ BMW รุ่นนี้ จะมาพร้อมเครื่องยนต์เทอร์โบ TwinPower ใน 2 รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน และ 2 รุ่นเครื่องยนต์ดีเซล ขับเคลื่อนผ่านระบบเกียร์ธรรมดา 6 สปีด หรือเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด(ถือว่าเป็นครั้งแรกของรุ่นที่มีการใช้เกียร์ชนิดนี้)


1. รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน

สำหรับรุ่นเครื่องยนต์เบนซินได้แก่ รุ่น 328i และ 335i ทั้งสองรุ่นจะมาพร้อมระบบประหยัดน้ำมัน EfficientDynamics โดยรุ่น 328i จะถูกขับเคลื่อนโดยเครื่องยนต์ทวินเทอร์โบ 4 สูบ 2.0 ลิตร Direct Injection ติดตั้งเทอร์โบชาร์จเจอร์ Twin-Scroll รวมถึงระบบ double-Vanos variable camshaft timing และ Valvetronic variable valve timing

สามารถผลิตกำลังได้สูงสุด 240 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ที่ 1,250-4,800 รอบ/นาที ช่วยทำให้ 3-Series สามารถทำความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ภายในเวลา 5.9 วินาที โดยมีความเร็วสูงสุดถูกจำกัดไว้ที่ 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง ส่วนอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอยู่ที่ 6.4 ลิตร/100 กิโลเมตร สำหรับรุ่นเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และ 6.3 ลิตร/100 สำหรับรุ่นเกียร์อัตโนมัติ หรือประหยัดขึ้นกว่ารุ่นก่อนถึง 11%

สำหรับรุ่น 335i จะมีขุมพลังเป็นเครื่องยนต์เทอร์โบ 6 สูบ แถวเรียง ขนาด 306 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ที่ 1,200-5,000 รอบ/นาที มีอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 5.5 วินาที และเช่นเดียวกับรุ่น 328i ความเร็วสูงสุดถูกจำกัดไว้ที่ 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในขณะที่อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ระหว่าง 7.2-7.9 ลิตร/100 กิโลเมตร

2. รุ่นเครื่องยนต์เทอร์โบดีเซล

สำหรับรุ่นเครื่องยนต์เทอร์โบดีเซล 320d ขนาด 184 แรงม้า มีอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายในเวลา 7.5 วินาที ความเร็วสูงสุดที่ 235 กิโลเมตร/ชั่วโมง มีอัตราสิ้นเปลืองฯที่ 4.5 ลิตร/100 กิโลเมตร และปล่อยไอเสียในอัตรา 118 กรัม/กิโลเมตร ส่วนรุ่น 320d EfficientDynamics ขนาด 163 แรงม้า สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 ใน 8.0 วินาที ความเร็วสูงสุด 230 กิโลเมตร/ชั่วโมง อัตราสิ้นเปลืองฯคือ 4.1 ลิตร/100 กิโลเมตร โดยมีอัตราการปล่อย CO2 ที่ 109 กรัม/กิโลเมตร

ในช่วงฤดูใบไม้ผลิของปี 2012 ทาง BMW จะเพิ่มรุ่นเครื่องยนต์ทางเลือกอีก 3 รุ่นด้วยกันคือ 1 รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน และ 2 รุ่นเครื่องยนต์ดีเซล โดยรุ่นเครื่องยนต์เบนซินคือ รุ่น 320i ใช้ขุมพลังทวินเทอร์โบ 2.0 ลิตร ขนาด 184 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 270 นิวตันเมตร ส่วนรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลได้แก่ รุ่น 316d ขนาด 116 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 260 นิวตันเมตร และรุ่น 318d ขนาด 143 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร

เท่านั้นยังไม่พอครับ หลังจากนั้นจะมีการเพิ่มเครื่องยนต์ทางเลือกเข้ามาอีก เช่น เครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบ และรุ่น xDrive AWD ซึ่งต่อมาในฤดูใบไม้ร่วง BMW จะเปิดตัวรุ่น ActiveHybrid 3 ซึ่งใช้ระบบไฮบริดเดียวกันกับที่ใช้ในรุ่น ActiveHybrid 5

ต้องบอกเลยว่าสำหรับ 3-Series เวอร์ชั่น Full Hybrid จะใช้เครื่องยนต์เบนซินทวินเทอร์โบ 3.0 ลิตร 306 แรงม้า ที่ทำงานร่วมกับมอเตอรไฟฟ้าขนาด 40 กิโลวัตต์/54 แรงม้า ที่ถูกรวมเข้ากับระบบส่งกำลังอัตโนมัติ 8 สปีด ทำให้ได้กำลังรวมสูงสุด 340 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัวเมตร ส่วนอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอยู่ที่ 6.4 ลิตร/100 กิโลเมตร

นอกจากนั้นแล้ว All-New 3-Series ยังมีระบบ Driving Experience Control ที่มีโหมดการขับแบบ Eco Pro นอกเหนือจากโหมดการขับพื้นฐานทั้ง 3 โหมดที่มีอยู่แล้วคือ Comfort, Sport และ Sport+ ซึ่งโหมด Eco pro จะช่วยลดอัตราการบริโภคน้ำมันได้ถึง 20% เลยทีเดียว

จากที่ดูแล้วช่วงล่างของซีดานรุ่นนี้ประกอบด้วยเพลาหน้าแบบ double-joint ที่มาพร้อมสตรัทส์และวิชโบนอลูมิเนียมซึ่งช่วยลดน้ำหนักลงไปได้พอสมควร ในขณะที่ด้านหลังเป็นแบบ Multi-Link นอกจากนั้นยังมีระบบ electromechanical แบบใหม่ที่ช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการขับขี่ และประหยัดน้ำมัน

ระบบช่วงล่างเพิ่มเติมเป็นยังไงบ้าง?

BMW F30 มาพร้อมระบบช่วงล่างแบบสปอร์ตที่ปรับแต่งมาเพื่อให้การขับขี่ที่เฉียบคมและควบคุมได้ดี ระบบช่วงล่างมาตรฐานประกอบด้วย:
- แมคเฟอร์สันสตรัท ด้านหน้า
- มัลติลิงค์ ด้านหลัง
- สปริงเหล็ก
- โช้คอัพแบบแปรผัน

ระบบช่วงล่างยังมีตัวเลือกเพิ่มเติม ดังนี้ครับ

1.Adaptive Suspension: ระบบนี้ปรับความแข็งของโช้คอัพตามสภาพถนนและสไตล์การขับขี่
2.M Sport Suspension: ระบบนี้ทำให้โช้คอัพแข็งขึ้นกว่าระบบมาตรฐาน ช่วยให้ F30 ขับขี่ได้อย่างแม่นยำและตอบสนองรวดเร็ว
3.Comfort Suspension: ระบบนี้ทำให้โช้คอัพนุ่มนวลกว่าระบบมาตรฐาน ช่วยให้ F30 ขับขี่ได้อย่างนุ่มนวลและสบาย

เราขอขยายข้อมูลเพิ่มจากเครื่องยนต์ของคันนี้จากข้อมูลข้างบนครับ เพราะถ้าให้บอกกันตามตรงแล้วเครื่องยนต์ก็ไม่แพ้รุ่นไหนเลยครับ เพราะ BMW F30 มีเครื่องยนต์หลากหลายให้เลือก ซึ่ง เครื่องยนต์ยอดนิยม จะแบ่งออกให้เป็นตามด้านล่างนี้เลยครับ

เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ
1.6 ลิตร 136 แรงม้า
2.0 ลิตร 184 แรงม้า
2.0 ลิตร 245 แรงม้า
เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ
3.0 ลิตร 320 แรงม้า
เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ
2.0 ลิตร 163 แรงม้า
2.0 ลิตร 190 แรงม้า
เครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบ
3.0 ลิตร 258 แรงม้า
เครื่องยนต์ทั้งหมดมาพร้อมเกียร์ธรรมดา 6 สปีด หรือเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดเลยทีเดียว

ที่สำคัญการออกแบบการตกแต่ง ผู้ผลิตได้ออกแบบมาถึง 3 แบบเลยเชียว แล้วเป็นแบบไหนบ้างมาดูพร้อมกันครับ

และถือว่าเป็นครั้งแรกของ BMW 3-Series ที่มีการตกแต่งใน 3 แบบคือ Sport Line, Modern Line และ Luxury Line ตามที่ลูกค้าต้องการ นอกจากนั้นยังสามารถเลือกชุดแต่ง M Sport ที่มีการโหลดเตี้ย 10 มิลลิเมตร ระบบกันสะเทือนมีความแข็งมากขึ้น แอนตี้โรลล์บาร์แข็งขึ้น ชุดล้ออัลลอยเป็นขอบ 18 หรือ 19 นิ้วให้เลือก ชุดท่อไอเสียโครเมี่ยม สีตัวถังแบบพิเศษ และการตกแต่งภายในแบบสปอร์ต

ไม่จบจบเท่านั้นเพราะ BMW ยังมีอ็อปชั่นให้เลือกอีกมากมายเข่น ระบบกันสะเทือน Adaptive M Sport จอแสดงผลแบบ Head-Up ระบบ ConnectedDrive infotainment ระบบ Active Cruise Control ที่มาพร้อมระบบ Stop & Go ระบบช่วยจอด ระบบข้อมูลการจราจรแบบ real time และระบบแจ้งเตือนการเปลี่ยนช่องการจราจร

BMW ได้ใช้เงินลงทุนไปมากกว่า 1,000 ล้านยูโรสำหรับการผลิต 3-Series รุ่นนี้ โดยจะมีการผลิตที่โรงงานในเมืองมิวนิคและเมือรีเจนส์เบิร์ก ประเทศเยอรมันนี รวมถึงโรงงานในเมืองรอสลีน ประเทศแอฟริกาใต้

สำหรับราคาจำหน่ายของ BMW 3-Series F30 ในประเทศเยอรมันนีจะเริ่มที่ 35,350 ยูโรสำหรับรุ่น 320d ไปจนถึง 43,500 ยูโรสำหรับรุ่น 335i


การดูแล เช็คระยะ และแต่งรถ BMW F30 ที่ตัวผู้ใช้ก็สามารถดูแลได้ และที่สำคัญหาต้องการที่ปรึกษาและให้บริการ อย่าลืมนึกถึง repowerthailand นะครับ

การดูแลรักษา

- ศึกษาคู่มือผู้ใช้ BMW F30 ของคุณอย่างละเอียด คู่มือนี้มีข้อมูลเกี่ยวกับการดูแลรักษารถยนต์ของคุณ รวมถึงรายการตรวจเช็คตามระยะ
- เปลี่ยนน้ำมันเครื่องและกรองน้ำมันเครื่องทุก 10,000 กม. หรือทุกปี
- - ตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่อง น้ำหล่อเย็น น้ำมันเบรก และน้ำกลั่นเป็นประจำ
- ตรวจสอบสภาพยาง ล้อ และเบรกเป็นประจำ
- เปลี่ยนอะไหล่สึกหรอ เช่น ผ้าเบรก ผ้าคลัตช์ และสายพานไทม์มิ่ง ตามกำหนด
- ล้างรถและทำความสะอาดภายในรถเป็นประจำ
- จอดรถในที่ร่มหรือใต้ผ้าคลุมเพื่อป้องกันแสงแดดและฝน

การเช็คระยะ

- นำรถของคุณไปเช็คระยะที่ศูนย์บริการ BMW ที่ได้รับอนุญาตทุก 10,000 กม. หรือทุกปี
- การเช็คระยะจะรวมถึงการตรวจสอบระบบต่างๆ ของรถยนต์ของคุณ เช่น เครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง ระบบเบรก ระบบช่วงล่าง และระบบไฟฟ้า
- ช่างผู้ชำนาญจะเปลี่ยนอะไหล่สึกหรอและปรับแต่งระบบต่างๆ ของรถยนต์ของคุณ
- การเช็คระยะเป็นประจำจะช่วยให้รถของคุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ป้องกันความเสียหาย และยืดอายุการใช้งาน

การแต่งรถ

มีตัวเลือกการแต่งรถ BMW F30 มากมาย คุณสามารถปรับแต่งรถของคุณให้เหมาะกับสไตล์และความต้องการของคุณ ตัวเลือกการแต่งรถยอดนิยม ได้แก่
- ชุดแต่งกายภายนอก เช่น สปอยเลอร์ กันชน และล้อแม็ก
- ชุดแต่งกายภายใน เช่น เบาะหนัง พวงมาลัย และคันเกียร์
- ชิ้นส่วนสมรรถนะ เช่น ระบบไอเสีย ระบบกันสะเทือน และชุดเบรก

เลือกใช้ล้อแม็กอย่างไร ให้เหมาะสมกับ BMW F30

ขนาด: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าล้อแม็กที่คุณเลือกมีขนาดที่ถูกต้องสำหรับ BMW F30 ของคุณ ขนาดล้อมาตรฐานสำหรับ F30 คือ 16 นิ้ว 17 นิ้ว และ 18 นิ้ว แต่คุณสามารถอัปเกรดเป็นขนาดที่ใหญ่กว่าได้หากต้องการ ล้อที่ใหญ่กว่ามักดูสปอร์ตและดุดัน แต่ก็อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันและการขับขี่

ออฟเซ็ต: ออฟเซ็ตคือระยะทางจากหน้าแปลนยึดล้อถึงเส้นกึ่งกลางของล้อ ออฟเซ็ตที่ต่ำกว่าจะทำให้ล้อของคุณยื่นออกมาจากตัวรถมากขึ้น ซึ่งอาจทำให้ดูสปอร์ตขึ้น แต่ก็อาจทำให้เกิดปัญหาการเสียดสีซุ้มล้อได้ ออฟเซ็ตที่สูงกว่าจะทำให้ล้อของคุณชิดกับตัวรถมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อรูปลักษณ์ของรถและประสิทธิภาพการจัดการ

PCD (Pitch Circle Diameter): PCD คือระยะห่างระหว่างรูยึดล้อ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าล้อแม็กที่คุณเลือกมี PCD ที่ตรงกับ BMW F30 ของคุณ มิฉะนั้นจะไม่สามารถติดตั้งได้

CB (Center Bore): CB คือรูตรงกลางล้อที่ยึดเข้ากับดุมล้อ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าล้อแม็กที่คุณเลือกมี CB ที่ตรงกับ BMW F30 ของคุณ มิฉะนั้นจะไม่สามารถติดตั้งได้อย่างถูกต้อง

น้ำหนัก: ล้อแม็กที่หนักกว่าอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมัน การเร่งความเร็ว และการจัดการของรถ

วัสดุ: ล้อแม็กทำจากวัสดุหลายชนิด เช่น อลูมิเนียม แมกนีเซียม และเหล็กกล้า อลูมิเนียมมีน้ำหนักเบาที่สุด แต่ก็มีราคาแพงที่สุด แมกนีเซียมมีน้ำหนักเบาและแข็งแรง แต่ก็มีราคาแพงกว่าเหล็กกล้า เหล็กกล้ามีราคาไม่แพง แต่ก็หนักที่สุด

สไตล์: ล้อแม็กมีหลายสไตล์ให้เลือก เลือกล้อที่คุณชอบและเข้ากับสไตล์โดยรวมของรถของคุณ

ล้อแม็กแต่งยอดนิยมสำหรับ BMW F30

ล้อแม็กมีหลากหลายสไตล์และแบรนด์ให้เลือก ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัว งบประมาณ และสไตล์การขับขี่ด้วยครับ อย่างไรก็ตาม เราได้เลือกล้อแม็กแต่งยอดนิยมสำหรับ BMW F30 บางรุ่นมาให้ลองพิจารณากัน

1. BBS SR:ล้อเหล่านี้เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ขับขี่ที่ต้องการลุคที่หรูหราและสปอร์ต มาในขนาดต่างๆ ตั้งแต่ 18 นิ้วถึง 22 นิ้ว และทำจากวัสดุคุณภาพสูง

2. HRE FF10:ล้อเหล่านี้เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ขับขี่ที่ต้องการน้ำหนักเบาและประสิทธิภาพสูง มาในขนาดต่างๆ ตั้งแต่ 19 นิ้วถึง 22 นิ้ว และทำจากคาร์บอนไฟเบอร์

3. Vossen CVT:ล้อเหล่านี้เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ขับขี่ที่ต้องการลุคที่เป็นเอกลักษณ์และโดดเด่น มาในขนาดต่างๆ ตั้งแต่ 18 นิ้วถึง 22 นิ้ว และทำจากวัสดุหลากหลาย

4. Vorsteiner V-FS:ล้อเหล่านี้เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ขับขี่ที่ต้องการลุคที่ก้าวร้าวและสปอร์ต มาในขนาดต่างๆ ตั้งแต่ 19 นิ้วถึง 22 นิ้ว และทำจากอลูมิเนียมอัลลอย

5. OZ Ultraleggera: ล้อเหล่านี้เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ขับขี่ที่ต้องการน้ำหนักเบาและประสิทธิภาพสูง มาในขนาดต่างๆ ตั้งแต่ 18 นิ้วถึง 22 นิ้ว และทำจากแมกนีเซียมอัลลอย

ต่อมาไม่พูดถึงไม่ได้เลยครับ เราจะมาดูเรื่องของโช้คอัพกัน ว่ามีรุ่นไหนบ้างที่นิยมใช้ และดีอย่างไร

1. Bilstein B4:โช้คอัพเหล่านี้เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ขับขี่ที่ต้องการสมรรถนะ OEM พวกเขาให้การขับขี่ที่มั่นคงและควบคุมได้ดีและทนทาน

2. Koni Sport:โช้คอัพเหล่านี้เหมาะสำหรับผู้ขับขี่ที่ต้องการประสิทธิภาพการจัดการที่มากกว่า โช้คอัพ B4 ให้การขับขี่ที่กระชับและตอบสนองได้ดีขึ้น แต่ก็แข็งกว่า B4 เล็กน้อย

3. Eibach Pro-Kit:โช้คอัพเหล่านี้เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ขับขี่ที่ต้องการลดระดับรถลงเล็กน้อย พวกเขาให้การขับขี่ที่มั่นคงและควบคุมได้ดีและยังช่วยปรับปรุงรูปลักษณ์ของรถอีกด้วย

4. KW Street Performance: โช้คอัพเหล่านี้เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับ ผู้ขับขี่ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุด พวกเขาให้การขับขี่ที่ปรับแต่งได้อย่างเต็มที่และการควบคุมที่ยอดเยี่ยม อย่างไรก็ตาม พวกเขายังเป็นตัวเลือกที่แพงที่สุด

เมื่อเลือกโช้คอัพสำหรับ BMW F30 สิ่งสำคัญคือต้องพิจารณาการขับขี่ของตัวเอง งบประมาณ และเป้าหมายโดยรวมด้วยนะครับ หากเจ้า่ของรถไม่แน่ใจว่าโช้คอัพตัวใดเหมาะกับตัวเอง สิ่งสำคัญที่สุดเลยคือการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ โดย Repowerthailand ยินดีให้คำปรึกษาตลอด 24 ชม. ครับ

ท่อแต่งที่แนะนำ สำหรับ BMW F30

ตามท้องตลาดทั่วไปมีท่อแต่งหลายแบบให้เลือกสำหรับ BMW F30 แต่ดีที่สุดสำหรับเจ้าของรถนั้นจะขึ้นอยู่กับความต้องการ และงบประมาณส่วนตัวด้วยเป็นหลักครับ โดยท่อแต่งต่อไปนี้เป็นท่อแต่งยอดนิยมบางส่วนที่เราคัดมาให้ตามความเหมาะสมในการใช้งานครับ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ตัวเลือกจะแตกต่างกับรุ่นก่อนหน้านี้ เพราะว่าให้พูดกันตรงๆ ก็คือเป็น BMW เหมือนกันเพียงแค่แตกต่างกันแค่รุ่นเท่านั้นเอง เอาละครับตัวท่อที่เราจะแนะนำก็จะมีดังนี้

1. Akrapovic Evolution Line: ท่อไอเสียเหล่านี้เป็นตัวเลือกที่ยอดนิยมสำหรับผู้ขับขี่ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงและเสียงที่โหดร้าย พวกเขาทำจากไทเทเนียมและคาร์บอนไฟเบอร์ และให้การเพิ่มขึ้นของพลังงานและแรงบิดที่วัดได้

2. BMW M Performance: ท่อไอเสียเหล่านี้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ขับขี่ที่ต้องการ เสียง OEM ที่สปอร์ตยิ่งขึ้น พวกเขาทำจากสแตนเลส และให้การเพิ่มขึ้นของพลังงานและแรงบิดที่เล็กน้อย เช่นเดียวกับเสียงที่ไพเราะ

3. Remus Remus Racing: ท่อไอเสียเหล่านี้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ขับขี่ที่ต้องการ ความสมดุลระหว่างประสิทธิภาพและเสียง พวกเขาทำจากสแตนเลส และให้การเพิ่มขึ้นของพลังงานและแรงบิดที่วัดได้ เช่นเดียวกับเสียงที่สปอร์ต

4. Eisenmann Sport: ท่อไอเสียเหล่านี้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ขับขี่ที่ต้องการ เสียงที่เป็นเอกลักษณ์และก้าวร้าว พวกเขาทำจากสแตนเลส และให้การเพิ่มขึ้นของพลังงานและแรงบิดที่เล็กน้อย เช่นเดียวกับเสียงที่ดัง

5. Supersprint Race: ท่อไอเสียเหล่านี้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับ ผู้ขับขี่ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุด พวกเขาทำจากไทเทเนียมและคาร์บอนไฟเบอร์ และให้การเพิ่มขึ้นของพลังงานและแรงบิดที่วัดได้อย่างมาก เช่นเดียวกับเสียงที่ดุดัน

ชุดเบรก และยางที่นิยมใช้กับ BMW F30

ในส่วนของชุดเบรกนั้นเราจะเลือกมาให้เป็น 3 รุ่นดังนี้ครับ เจ้าของรถสามารถเลือกจากไลฟ์สไตล์การใช้งาน และความต้องการได้เลย

Brembo GT60: ชุดเบรกนี้เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ขับขี่ที่ต้องการประสิทธิภาพสูง พวกเขาให้พลังหยุดที่ยอดเยี่ยมและการควบคุมที่ยอดเยี่ยม แถมยังทนทานมากๆ อีกด้วย

StopTech ST60: ชุดเบรกนี้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ขับขี่ที่ต้องการ ชุดเบรกประสิทธิภาพสูงที่ราคาไม่แพง เพราะว่ามันให้พลังหยุดที่ดีมากและการควบคุมที่ดีมีประสิทธิภาพสมราคา ที่สำคัญยังติดตั้งได้ง่ายซะเหลือเกิน

ชุดเบรก Akebono: ชุดเบรกนี้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ขับขี่ที่ต้องการ ชุดเบรกที่เงียบและนุ่มนวล ชุดนี้จะให้พลังหยุดที่ดี พร้อมกับการควบคุมที่ดีมากๆ ที่สำคัญคือเสียงเงียบสุดๆ ไปเลยหล่ะครับ

มาในส่วนของยางกันบ้าง ยางก็บอกเลยว่าเราไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าแต่ละรุ่นที่เลือกมาคือดีอันดับต้นๆ จริงๆ เพราะว่าเป็นยางจากยี่ห้อดัง ชั้นนำทั่วโลก ลองดูแล้วเลือกโดยตัดสินใจจากการใช้งานดูนะครับ

1. Michelin Pilot Sport 4S:ยางเหล่านี้เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับ ผู้ขับขี่ที่ต้องการยางประสิทธิภาพสูง พวกเขาให้การยึดเกาะที่ยอดเยี่ยมทั้งบนถนนเปียกและแห้ง และยังทนทาน

2. Continental ExtremeContact Sport V2: ยางเหล่านี้เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับ ผู้ขับขี่ที่ต้องการยางประสิทธิภาพสูงที่มีราคาไม่แพง พวกเขาให้การยึดเกาะที่ดีทั้งบนถนนเปียกและแห้ง และยังทนทาน

3. ยาง Pirelli P Zero:ยางเหล่านี้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ขับขี่ที่ต้องการยางที่มีความสมรรถนะสูงและรูปลักษณ์ที่โฉบเฉี่ยว พวกเขาให้การยึดเกาะที่ดีทั้งบนถนนเปียกและแห้ง และยังดูดีบนรถอีกด้วย

 

 

 

Visitors: 651,975